1.
สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
และ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช2551
ตอบ แนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช2551
2. ศึกษาทำความเข้าใจเพิ่มเติมจาก วิชัย วงษ์ใหญ่
และมารุต พัฒผล จากหลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา : กระบวนทัศน์ใหม่การพัฒนา
กรุงเทพฯ : บริษัทจรัลสนิทวงศ์การพิมพ์ จำกัด 2552
ตอบ
หลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา
1. หลักสูตรแกนกลาง หมายถึง
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 มีรายละเอียดแสดงให้เห็นกรอบทิศทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่
1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถนำไปใช้จัดการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัยรวมทั้งสำหรับการจัดการศึกษาทุกกลุ่ม เช่น การศึกษาพิเศษ
การศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ เป็นต้น โดยมีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นข้อกำหนดคุณภาพของผู้เรียน
2. หลักสูตรสถานศึกษา หมายถึง
หลักสูตรระดับท้องถิ่นซึ่งสถานศึกษานำข้อมูลสภาพที่เป็นปัญหาหรือความต้องการในชุมชนและสังคมภูมิปัญญาท้องถิ่น
คุณลักษณะอันพังประสงค์ เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม
และประเทศชาติ มาจัดทำสาระของหลักสูตร
และจัดการเรียนรู้โดยยึดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นกรอบหรือแนวทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
3. มาตรฐานการเรียนรู้ หมายถึง
ข้อกำหนดคุณภาพผู้เรียนด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมของแต่ละกลุ่มเพื่อใช้เป็นจุดมุ่งหมายในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ซึ่งกำหนดเป็น
2 ลักษณะ คือ
มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นมาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นเป็นมาตรฐานการเรียน
รู้ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนจบในแต่ ละช่วงชั้น
คือชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 6และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ
6การเสนอร่างหลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา(ฉบับปรับปรุง)สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) ได้นำร่างหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับปรับปรุง
เสนอให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณา ซึ่งร่างหลักสูตรนี้
ยังคงจัดโครงสร้างหลักสูตรเป็น 8 กลุ่มสาระวิชา ได้แก่ สาระวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ
การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ
สำหรับเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น
เปลี่ยนตัวชี้วัดเป็นรายปี จากที่เคยกำหนดเป็นตัวชี้วัดช่วงชั้น
และเขียนตัวชี้วัดให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น
ที่สำคัญมีการกำหนดกรอบการจัดสรรเวลาเรียนสำหรับแต่ละระดับชั้น ด้วย
โดยระดับประถมศึกษาให้มีเวลาเรียนวันละประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระดับม.ต้น วันละประมาณ
5-6 ชั่วโมง ระดับ ม.ปลาย ไม่น้อยกว่าวันละ 6
ชั่วโมงอีกทั้งยังมีการกำหนดกรอบเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มวิชา โดย
กลุ่มวิชาภาษาไทยและ กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ ระดับ ป.1 – ป.3 ให้มีเวลาเรียนขั้นต่ำปีละ
200ชั่วโมง ชั้น ป.4-ป.6 ปีละ 160 ชั่วโมง ม.ต้น ปีละ 120 ชั่วโมง ส่วน ม.ปลาย รวม
3 ปี ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 240 ชั่วโมง
กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์และสังคมศึกษาให้มีเวลาเรียนไม่น้อยกว่าปีละ 80 ชั่วโมง
ในระดับ ป.1 – ป.6 ม.ต้นปีละ 120 ชั่วโมง ม.ปลาย รวม3 ปี
ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 240 ชั่วโมงกลุ่มวิชาสุขศึกษาฯ ,การงานฯ และศิลปะ ระดับ ป.1 - ม.3
ให้มีเวลาเรียนขั้นต่ำปีละ 80ชั่วโมง ส่วน ม.ปลาย รวม 3 ปี
ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 120 ชั่วโมง กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ ป.1 – ป.3
ให้มีเวลาเรียนขั้นต่ำปีละ 40 ชั่วโมง ป.4-ป.6 .ปีละ 80 ชั่วโมง ม.ต้นปีละ 120
ชั่วโมง ม.ปลาย รวม 3 ปี ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 240 ชั่วโมง
นอกจากนั้นให้มีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนปีละ 120 ชั่วโมงด้วยอย่างไรก็ดี
ได้มอบให้สถานศึกษาจัดสรรเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชาและรายวิชาที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นให้เหมาะสมทั้งหมด
ระดับประถมศึกษา จะมีเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชาไม่เกินปีละ 1,000
ชั่วโมงต่อวิชา ม.ต้น ไม่เกินปีละ 1,200 ชั่วโมงต่อวิชา และ ม.ปลาย รวม 3 ปี
ต้องมีเวลาเรียนไม่เกิน 3,600 ชั่วโมงในแต่ละวิชานางเบญจลักษณ์ น้ำฟ้า ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
กล่าวว่า กรรมการ กพฐ.ได้รับร่างหลักสูตร ไปพิจารณาแล้ว โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า
ตัวชี้วัดที่ปรับใหม่นั้น
ควรจะส่งเสริมให้เกิดการเรียนการสอนที่สร้างกระบวนการคิดให้กับเด็ก
ไม่ต้องการให้ตัวชี้วัดไปส่งเสริมการเรียนแบบเน้นเนื้อหา
เพราะความรู้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าเด็กรู้จกกกระบวนการเรียนรู้แล้ว
จะนำไปปรับใช้กับการเรียนรู้ความรู้ใหม่
ๆหลักสูตรที่ปรับปรุงใหม่ต้องมีการจัดกรอบเวลาเรียนในแต่ละกลุ่มสาระวิชา
เพราะหลักสูตรเดิมให้โรงเรียนจัดสรรเวลาเรียนแต่ละวิชา ผลทำให้การจัดการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนแตกต่างกันมาก
ส่วนใหญ่ ร.ร.จะจัดเวลาเรียนให้วิชาใดมากหรือน้อยเท่าใด ขึ้นอยู่กับครูที่ตัวเองมี
เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานขั้นต่ำในการจัดสรรเวลาเรียนแต่ละวิชาไว้
อย่างไรก็ตาม หลักจากได้ข้อสรุปแล้ว
ทาง สพฐ.จะนำร่างหลักสูตรฯ ไปจัดประชาพิจารณ์ รับฟังความเห็นใน 4 ภูมิภาค
แล้วนำความเห็นที่ได้จากการประชาพิจารณา รวมทั้งความเห็นของ กพฐ. มาปรับปรุง ร่าง
หลักสูตรฯ อีกครั้ง ก่อนนำหลักสูตรไปใช้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น